Celebrating
Osotspa's 130th anniversary

เปิดผนึกองค์กร 130 ปี เรื่องราวของโอสถสภา

เรื่องไม่ลับ...
แต่คุณอาจไม่เคยรู้

นายแป๊ะ แซ่ลิ้ม

(ต้นตระกูลโอสถานุเคราะห์)

ในวัยหนุ่ม เดินทางรอนแรม
ข้ามน้ำข้ามทะเล
จากแผ่นดินจีนมาสู่สยาม

หวังตั้งรกรากสร้างตัวที่นี่
ด้วยความหนักเอาเบาสู้ที่มีอยู่ในสายเลือด
ทำให้นายแป๊ะไม่เกี่ยงงานสุจริตที่จะทำให้เขา
ได้รับค่าตอบแทนมาเป็นทุนรอนในการสร้างชีวิต
ให้ดีขึ้น เขาเริ่มจากการเป็นลูกจ้าง
ก่อนจะผันตัวมาทำกิจการค้าขาย
และแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยที่ชื่อ แหวน​

หลังจากเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง
นายแป๊ะก็เช่าตึกแถว 1 คูหาในย่านสำเพ็ง
เปิดเป็นร้านค้าเล็กๆ และตั้งชื่อร้านว่า ​

“เต๊กเฮงหยู”

ขายของเบ็ดเตล็ด เครื่องใช้ไม้สอย
เช่น นาฬิกา ร่ม ถ้วยชาม
โดยมากขายส่งไปตามต่างจังหวัด
หรือมีลูกค้าจากต่างจังหวัดมาซื้อ

“เต๊กเฮงหยู”
คือการผสมคำ 3 คำ
ที่ต่างมีความหมายที่ดี

เต๊ก

หมายถึง
คุณธรรม

เฮง

หมายถึง
ความถาวร
ตลอดกาล

หยู

หมายถึง
ความเต็มเปี่ยม
อุดมสมบูรณ์

จุดเปลี่ยน
ในชีวิตของนายแป๊ะมาถึง ​

เมื่อห้างบี.กริมม์ แอนด์ โก นำยาชื่อ “ปัถวีพิการ” ​
ซึ่งมีสรรพคุณแก้เมื่อย แก้แพ้ มาฝากขายที่ร้านเต๊กเฮงหยู
เขาจึงมองเห็นโอกาสค้าขายของตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
คือ “ยา” ซึ่งเขาจำได้ว่า​

เมื่อครั้งจากลาบ้านเกิดเมืองนอน
ได้นำ “ตำรายากฤษณากลั่น”
ซึ่งเป็นสูตรยาโบราณ
ของบรรพบุรุษติดตัวมาด้วย​

ตำรับยานี้
มีที่มาจากต้นกฤษณา

ซึ่งเป็นไม้หอมประเภทหนึ่ง

หากต้นกฤษณายังไม่มีบาดแผล เนื้อไม้จะมีสีขาว
แต่หากเกิดบาดแผลก็จะมีน้ำมันสีดำเกิดขึ้น เรียกว่า “เกิดกฤษณา” ​

ผู้เชี่ยวชาญการปรุงยาก็จะนำน้ำมันสีดำนี้ไปใช้เป็นตำรับยา
เรียกว่า “เข้ากฤษณา” ซึ่งตำรับยาจีนที่แป๊ะนำมาเข้ากฤษณา

ประกอบด้วยสมุนไพร 13 ชนิด
ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง
ท้องเสีย จุกเสียด แน่นท้อง​

หลังจากปรุงยาตามตำรับยาโบราณแล้ว
นายแป๊ะก็คิดถึงการทำสัญลักษณ์
เพื่อให้คนจดจำได้

เขาเลือก “กิเลน”
ซึ่งเป็นสัตว์มงคล
ตามคติความเชื่อของชาวจีน
มาเป็นตราการค้า

รวมทั้งใส่รูปดวงอาทิตย์และคัมภีร์พิชัยสงคราม
เข้าไปเป็นส่วนประกอบในตราการค้าของเขาด้วย เกิดเป็น

“ยากฤษณากลั่น ตรากิเลน” ​

กิจการร้านเต๊กเฮงหยูและยากฤษณากลั่น ตรากิเลน
เจริญเติบโตเป็นลำดับ และยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
นับตั้งแต่ พ.ศ.2455 เป็นต้นมา
ครั้งนั้นกองเสือป่าในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
​ไปทำการซ้อมรบที่ ต.ดอนเจดีย์ จ.นครปฐม
แต่การเดินทางที่ยากลำบากประกอบกับโรคภัยไข้เจ็บ
ที่จู่โจมทุกคนได้ง่าย ทำให้เสือป่าจำนวนไม่น้อยล้มป่วย
ด้วยอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง

กระทั่งมีผู้นำยากฤษณากลั่นตรากิเลน
มาให้เสือป่าเหล่านี้รับประทาน
อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นและหายป่วยในที่สุด​

ความทราบถึงรัชกาลที่ 6 พระองค์จึงทรงแนะนำให้ทหาร​ และเสือป่านำยากฤษณากลั่นตรากิเลนมาใช้ในกิจการเสือป่า
ทำให้ยาของนายแป๊ะขายดีมานับตั้งแต่นั้น​ อีกทั้งยังทรงบันทึกกิตติคุณของยากฤษณากลั่น​ ตรากิเลนไว้ในหนังสือ “พระราชนิพนธ์กันป่วย” ​

“พระราชนิพนธ์กันป่วย” ​

คุณความดีของนายแป๊ะที่ช่วยเหลือกิจการเสือป่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทาน​
เข็มเสือป่าและแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเป็นมหาดเล็ก

จากนั้นเมื่อมีพระราชบัญญัตินามสกุล
ใน พ.ศ. 2456
​พระองค์ทรงพระราชทานนามสกุลใหม่ว่า

“โอสถานุเคราะห์”​

ซึ่งมาจากคำว่า โอสถ และ อนุเคราะห์

และในปี 2564
นามสกุล โอสถานุเคราะห์
จะมีอายุครบ 108 ปี

หลังจากยากฤษณากลั่นตรากิเลน
ที่เป็นเสมือนยาที่​มอบชีวิตใหม่ให้นายแป๊ะ

เขาได้คิดค้นและพัฒนา
สูตรยา​อีกหลายขนาน

เช่น ยาสตรีฑีฆายุ เป็นยาบำรุงผิวพรรณสำหรับผู้หญิง,
ยาแสงสว่างแก้ลมขึ้นเบื้องสูง, ยาอินทรจักรแก้ลม, ​
ยาหอมเทพจิต, ยาแก้ไข้, ยาเม็ดดำ ฯลฯ​

หลังจากนายแป๊ะ เสียชีวิตในปี 2461
คุณสวัสดิ์เข้ามารับหน้าที่สานต่อกิจการด้วยวัย 17 ปี
โดยเน้นไปที่ธุรกิจยาและยาที่มีชื่อเสียงคือ

ยาทันใจ
ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น ยาทัมใจ

จนทำให้ยอดขายยาทัมใจเติบโต
และฮิตทั่วบ้านเมือง ด้วยการใช้กลยุทธ์
สื่อโฆษณาทุกรูปแบบที่มีขณะนั้น​

แจกใบปลิว โปสเตอร์​ ลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ ทำแคตตาล็อกสินค้า ​
ใช้รถแห่โฆษณา ​ติดป้ายบิลบอร์ดริมทางรถไฟ​ จัดรายการวิทยุชุมชน​
ออกหน่วยปลูกนิยม ฉายหนังกลางแปลงและขายสินค้าไปพร้อมๆกัน ​
จัดโปรโมชั่นซื้อยากฤษณากลั่น 2 แถม 1 ​การแจกสินค้าตัวอย่าง​
ริเริ่มระบบเครดิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย​

"บ้านพักหมอลำทัมใจ"

โอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) ถือเป็นบริษัทแรกที่ใช้ "หมอลำ ลิเก ลำตัด"
เป็นสื่อกลางถึงผู้บริโภค ถึงขั้นมีการจัดตั้งสำนักงานหมอลำชื่อ บ้านพักหมอลำทัมใจ อยู่ที่ขอนแก่น ​
ปูพรมโฆษณาขายยาทุกประเภท ทั้งยาทัมใจ ยาหม่อง ยากฤษณากลั่นตรากิเลน ​
เพื่อให้เข้าตัวถึงตัวผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ก่อนหน้าจะใช้ชื่อ “โอสถสภา”
เคยใช้คำว่า
“โอสถสถาน” มาก่อน

ซึ่งมีแนวคิดมาจากนามสกุล
แต่เลิกไปเพราะขณะนั้นมีร้านขายยาจำนวนมาก
นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้านจนคล้ายกันไปหมด ​
จากนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โอสถสภา” และมีวงเล็บ
“เต๊กเฮงหยู”​

คำว่า “โอสถสภา” เป็นชื่อเดิมที่รัฐบาลใช้
หมายถึง​ที่ขายยาของรัฐบาล คล้ายกับองค์การเภสัชกรรม
ซึ่งภายหลังรัฐบาลเปลี่ยนมาใช้คำว่า “โอสถศาลา”

ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : thaitvvariety

คือแนวคิดที่คุณสุรัตน์ทายาทรุ่นที่ 3
ส่งต่อมาถึงทายาทรุ่นที่ 4 ในปัจจุบัน

หนึ่งในนั้นคือการเปิดตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานเป็นเจ้าแรกของไทย
จากการนำเข้าลิโพวิตันดีมาจากประเทศญี่ปุ่น
และเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานของไทยจวบจนปัจจุบัน​

ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : Bornkung Videos

ริเริ่มกลยุทธ์ Idol marketing
นำศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าเป็นเจ้าแรก

ทำให้ ทเวล์ฟพลัส เป็นที่รู้จัก

และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นในยุคนั้น ​

โอสถสภาตอกย้ำความเป็นเลิศ
ในระดับสากลด้วย 4 รางวัล
ASIAN EXCELLENCE AWARDS 2019

โอสถสภาติดทำเนียบดัชนีหลัก
และเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนฯ
ยอดเยี่ยมของประเทศไทย

โอสถสภาภูมิใจที่ได้รับคัดเลือก
ให้เป็นสมาชิกดัชนีหุ้นยั่งยืนระดับโลก
FTSE4Good

โอสถสภาบริหารงานโดยทายาท​
ตระกูลโอสถานุเคราะห์มาแล้ว 4 เจเนอเรชั่น

กิเลน ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า​

ของโอสถสภา จากอดีต - ปัจจุบัน ​

เรื่อง Unseen
เบื้องหลังการตลาด
ในแบบฉบับโอสถสภา

ยาทันใจ (ชื่อในยุคแรกๆ)

คุณสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ ได้พัฒนาสูตรยาและสินค้าใหม่ๆตลอดเวลา
หลังจากย้ายสถานที่จากสาเพ็งมาที่เจริญกรุง ใกล้สี่แยก เอส เอ บี
วิธีการผลิตยาก็เปลี่ยนไป เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องจักรและแรงงานคน
ซึ่งยาที่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเริ่มเป็นยาแผนปัจจุบัน หรือจำพวกยาสามัญประจำบ้านและได้รับความนิยมแพร่หลาย ​

ที่มาเนื้อหา : https://www.wealthythai.com/web/contents/WT190300246
ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : Superhui HUI

มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า​

ภาพผู้หญิงบนซองยาทัมใจคือ

คุณหญิงล้อม โอสถานุเคราะห์

ภรรยาคุณสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ นายหญิงแห่งโอสถสภาเต๊ก เฮง หยู นั่นเอง ​

ที่มาเนื้อหา : https://www.wealthythai.com/web/contents/WT190300246

จากเรื่องบรรเทาปวดของทัมใจ มาถึงเรื่องหอมปากหอมคอของ

“โบตัน” ยาอมชนิดแผ่น

ที่ไม่ยอมทิ้งความดีงามของตัวเองมากว่า 80 ปี

เรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า โบตัน เคยเป็นสินค้าสื่อรักของหนุ่มสาวในสมัยหนึ่ง
ที่ไม่รู้จะคุยอะไรก็ส่งโบตันให้กัน​ ​

ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : Superhui HUI

โบตันได้จัดทำของสมนาคุณ คือ เทปคาสเซ็ท

ชื่อชุด กระฉ่อนวันวาน

โดยให้รวบรวมซองเปล่า ส่งไปรษณีย์มาแลกได้ 1 ตลับ
ซึ่งเป็นการรวบรวมบทเพลงไทยผลงานของ ครูบุญช่วย กมลวาทิน
โดยพรีเซนเตอร์โฆษณาแคมเปญในตอนนั้นคือ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ​

ที่มาภาพ : เพจเทปและซีดี-มือ2
ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : THE OLDIES Channel

โบตันเป็นตัวแทนของสินค้าที่บอกเล่าตัวตน
ของ​โอสถสภาได้อย่างชัดเจน

จากพื้นที่เล็กๆ ในซองกระดาษ โบตันถูกห่อด้วยแผ่นอลูมิเนียม
ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นแบบตลับโลหะที่ทุกวันนี้กลายเป็น Rare item ไปแล้ว

ที่มาเนื้อหา : https://www.wealthythai.com/web/contents/WT190300246

เนื้อของโบตันก็ปรับปรุงจากแบบแผ่น
มาเป็นแบบเกล็ด

เพิ่มสูตรใหม่เป็นโบตันพลัส และวิวัฒนาการจนกลายมาเป็น “โบตันมินท์บอล”
เม็ดอมรูปแบบใหม่ที่เคลือบด้วยความหอมเย็น 2 ชั้น ก่อนที่จะไปเจอโบตันรสดั้งเดิมข้างใน
ซึ่งเปรียบเสมือนคุณค่าทางธุรกิจของโอสถสภาที่ฝังรากลึกมานาน
และยังปรับตัวเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ ด้วยรูปแบบเม็ดอมสมุนไพร​

ที่มาภาพ : https://www.smethailandclub.com/entrepreneur-5897-id.html
ที่มาเนื้อหา : https://www.wealthythai.com/web/contents/WT190300246

"สตรอเบอร์รี่
โอเล่เม็ดใหญ่
หอมชื่นใจ
อร่อยถึงใจจริงๆ"

เนื้อเพลงคุ้นหูที่คนอายุ 30+ เกือบทุกคนต้องร้องได้ ​
ลูกอมโอเล่ หวานหอมกลิ่นสตรอเบอร์รี่ ครองใจผู้คนทุกวัย
มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2512 พร้อมเพลงโฆษณาที่ถือว่าเป็นหนึ่งใน
กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์จวบจนวันนี้
ถูกนำมาทำใหม่หลายเวอร์ชั่น และมีดารา-นักร้องหญิงชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ ​ ​

ตัวอย่างโฆษณาในอดีตที่มีผู้ชื่นชอบและได้โพสต์ไว้ ที่มา : Facebook บรรเจิดเริ่ดสะแมนแตน

ลูกอมโอเล่ ได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 49 ปี​

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรสชาติสตรอเบอร์รี่ที่ไม่เหมือนใคร
​ และกลิ่นหอมชื่นใจที่เป็นเอกลักษณ์ ​

ปรับตัวตามสมัย และนำเทรนด์ ไม่เพียงลูกอมที่รสชาติแปลกใหม่
​ แต่ยังพัฒนาสินค้าที่หลากหลายพร้อมด้วยแพ็กเกจจิ้งที่ทันสมัยมาโดยตลอด

พ.ศ. 2508
​ โอสถสภานำเข้าเครื่องดื่ม
​ ตราลิโพวิตัน ดี

อันโด่งดังจากญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ​

นับเป็นเครื่องดื่มให้พลังงานแบรนด์แรกของไทย

และได้รับลิขสิทธิ์จากบริษัทไทโช
​ ให้ทางบริษัทโอสถสภาเป็นผู้ผลิตสินค้าในประเทศในอีก 8 ปีถัดมา​ ​

55 ปี
กับโลโก้ “ชูสองนิ้ว”
อันเป็นเอกลักษณ์​

เล่าลือกันว่า โกวิท สีตลายัน หรือ มังกร ห้าเล็บ นักเขียนโด่งดังของไทยรัฐ
ในช่วงนั้นยังทำงานบริษัทโฆษณาเป็นคนเขียนคำโฆษณาฮิตระเบิดที่ว่า ​

“ใจยังสู้ ต้องชู 2 นิ้ว”

ทำให้คนไทยรู้จักเครื่องดื่มยี่ห้อ “ลิโพ” และเครื่องหมายชู 2 นิ้ว
ที่กลายเป็นขวัญใจคนทำงานหนักในสมัยนั้น ​

ที่มาเนื้อหา : ไทยรัฐ ออนไลน์

ปี 2526
โอสถสภาเริ่มคิดค้นสูตรเครื่องดื่มให้พลังงาน
ของตัวเองขึ้น​จากการวิจัยผู้บริโภค

ทำให้เกิดแบรนด์ M-150

เพื่อท้าชิงความเป็นเจ้าตลาดกับคู่แข่งในขณะนั้น
โดยก่อนจะเป็นแบรนด์ M-150 เคยใช้ชื่อเครื่องดื่มแม็กนั่ม M-150 มาก่อน​
ต่อมาคุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น M-150 นั่นเอง​

ในอดีตเอ็ม-150 มาจากปริมาตร 150 ซีซี.
และมีเอ็ม-100 มาจากปริมาตร 100 ซีซี.​ ภายหลังจำหน่ายเฉพาะ เอ็ม-150 เท่านั้น

และยังขายราคา 10 บาท มาตลอด 35 ปี

ได้รับความเชื่อมั่นและร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
​นำมาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจ

ลิโพวิตันดี

เครื่องดื่มให้พลังงานแบรนด์แรกของไทย

C-vitt

เครื่องดื่มสุขภาพยอดนิยมของคนไทย

คาลพิสแลคโตะ

เครื่องดื่มรสนมเปรี้ยวสไตล์ญี่ปุ่น

เพราะมีคุณ...จึงมีเรา​
เพราะมีลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคม จึงมีโอสถสภาในวันนี้

"คุณพ่อคุณแม่สอนผมเสมอว่า​
ไม่ว่าจะทำธุรกิจการงานอะไร ​
ถ้าประสบความสำเร็จได้กำไรมา
เราจะต้องตอบแทนสังคมด้วย"

คำสอนจากคุณสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ​

ปณิธานอันแน่วแน่ในการตอบแทนสังคมของผู้ก่อตั้ง
ได้ถูกส่งผ่านสู่สมาชิกในตระกูลโอสถานุเคราะห์ ​

ก่อตั้งมูลนิธิโอสถานุเคราะห์ขึ้น เมื่อปี 2531

เพื่อช่วยเหลือสังคม
ในกิจการอันเป็นประโยชน์

ด้านการศึกษา และสาธารณสุข

มูลนิธิโอสถสภา

ก่อตั้งโดยคุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์
มุ่งเน้นสนับสนุนและช่วยเหลืองานในด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข
รวมถึงกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆ ของสังคม
โดยมิได้มุ่งหวังผลตอบแทนใดๆ

ในอดีต คุณสวัสดิ์ ทายาทรุ่นที่ 2 ได้ตั้ง

คณะรักเกียรติ

เพื่ออยากให้พนักงานได้สังสรรค์พบปะกัน
เกิดความสามัคคีแลกเปลี่ยนความคิด ฟังไอเดียจากพนักงานผู้น้อย​
มีการประชุมทุกสัปดาห์โดยใช้โรงงานเป็นที่จัดประชุม​
และเลี้ยงน้ำชา ส่งเสริมให้แสดงความคิดเห็น ติชมงานของบริษัท
หรือใครมีไอเดียแปลกใหม่ก็เสนอแนะได้ ​

ในปัจจุบันมี

สโมสรพนักงานโอสถสภา

ชมรมกีฬาและสันทนาการ​
ให้พนักงานได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

เส้นทางการค้าขายของโอสถสภาไม่ได้เรียบง่ายและสวยหรู​
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จ ขายดี ติดตลาด เป็นที่ต้องการ​ของลูกค้า
แต่กระนั้นก็ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ​

โอสถสภาเจริญเติบโตขึ้นมาด้วยการแข่งขัน ​
เพราะการแข่งขันทำให้เรา
ต้องฟิต ต้องพร้อม และต้องเร็ว

ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพนักงานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

เพราะพนักงานทุกคนช่วยกันขับเคลื่อน​
โอสถสภาให้เติบโตและยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้​

ฟังอีกหลายเรื่องราว
ความภาคภูมิใจของพนักงานโอสถสภา

ชมเรื่องราวทั้งหมด
จากวันนั้น จนถึงวันนี้
เรารู้ว่าคุณผูกพันกับโอสถสภา
มาร่วมแชร์ความรู้สึกและความภาคภูมิใจของคุณด้านล่าง
ชื่อ-นามสกุล
เรื่องราว
ความภาคภูมิใจ
ของคุณ
อัพโหลดภาพ
No file chosen
 
0%