ด้านสิ่งแวดล้อม
บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โอสถสภาตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท
รวมถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในฐานะผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศและภูมิภาค
โอสถสภาเข้าใจถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทุกคนต้องร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการขาดแคลนน้ำ รวมถึงปัญหาการจัดการขยะ
โอสถสภาจึงมุ่งเน้นประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ 4 หัวข้อ ได้แก่ การบริหารจัดการพลังงานและสภาพภูมิอากาศ
การดูแลทรัพยากรน้ำ การบริหารจัดการของเสีย และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

การบริหารจัดการพลังงานและสภาพภูมิอากาศ

ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันมีสาเหตุสาคัญมาจากก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการใช้พลังงานฟอสซิล นับเป็นวิกฤติการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างรุนแรงและกว้างขวาง โอสถสภาจึงบริหารจัดการการใช้พลังงานประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการต่างๆ รวมถึงวางแผนรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการดำเนินงานดังนี้

การดูแลทรัพยากรน้ำ

ทรัพยากรน้ำ มีความสำคัญต่อชีวิตทุกชีวิต และยังเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าของบริษัท โอสถสภาจึงให้ความสำคัญต่อการดูแลทรัพยากรน้ำ การจัดการน้ำเสียบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการลดการใช้น้ำต่อปริมาณผลิตภัณฑ์
เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและมีการดำเนินการในแนวทางดังต่อไปนี้

การบริหารจัดการของเสีย

บริษัทมีเป้าหมายระยะยาวในการบริหารจัดการของเสีย เพื่อให้มีปริมาณของเสียไปยังหลุมฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) พร้อมบริหารจัดการของ เสียที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามหลัก 3Rs ในการลดปริมาณของเสียทั้งที่เกิดจากกระบวนการผลิต และของเสียจากกิจกรรมต่างๆในสำนักงานให้เหลือน้อยที่สุด โดยมีการคัดแยกขยะตามประเภทวัสดุ และนำไปกำจัดด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสมซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิผลมากที่สุดตามหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

บรรจุภัณฑ์ที่ดีช่วยรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค และในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการ ควรคำนึงถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ ให้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ที่โอสถสภาจำหน่ายออกสู่ตลาด อยู่ในรูปของขวดแก้วประมาณร้อยละ 70 ซึ่งโอสถสภาเป็นผู้ผลิตขวดแก้ว อันดับต้นๆ ของประเทศไทย มีกำลังการผลิตกว่า 436,000 ตัน/ปี

ขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้โดยสะดวก โดยการนำเศษแก้วมารีไซเคิลเป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดแก้วใหม่ จะช่วยลดขยะ ลดการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ และลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิต

นอกเหนือจากขวดแก้ว บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการประเมินคุณลักษณะและความเหมาะสมของบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติก ด้วยการมุ่งเน้น การใช้พลาสติกอย่างเหมาะสม ลดปริมาณการใช้ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ และเลือกใช้พลาสติกที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้โดยง่ายเป็นหลัก